



0
Writer

- แมวขยันดี
โครงการพัฒนาสมรรถนะของสามเณรนักเรียนในโรงเรียนพระปริยัติธรรมเป็นแนวทางสำคัญที่มุ่งเน้นการส่งเสริมศักยภาพของผู้เรียนให้สอดคล้องกับความต้องการของสังคมและยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเน้นการพัฒนาในด้านการสื่อสาร การคิดขั้นสูง การแก้ปัญหา การดำรงชีวิตในสมณสารูป และการใช้เทคโนโลยี โครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากครู ผู้บริหาร ศึกษานิเทศก์ และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันออกแบบกระบวนการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับบริบทของสามเณรนักเรียน พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ได้แสดงศักยภาพและพัฒนาทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 เป็นการสะท้อนผลลัพธ์ของการพัฒนาโมดูลการเรียนรู้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงและขยายผลให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งในระดับโรงเรียนพระปริยัติธรรมและสถาบันการศึกษาทางพระพุทธศาสนาในอนาคต หวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อมูลและข้อค้นพบจากโครงการนี้จะเป็นแนวทางสำคัญสำหรับการพัฒนาเยาวชนในสายธรรมะให้สามารถเติบโตเป็นผู้มีปัญญาและเป็นกำลังสำคัญในการสืบทอดพระพุทธศาสนาอย่างยั่งยืน
ที่มา-ที่ไปในการเข้าร่วมโครงการ
ได้รับการทาบทามจากหัวหน้าหัวหน้าโครงการ ด้วยความชำนาญเรื่องหลักสูตรและการสอน จึงได้เข้าร่วมการพัฒนาโมดูล ที่ 3 พัฒนาสมรรถนะผู้เรียน ได้ไปเก็บข้อมูลที่ปรากฏสมรรถนะตามเป้าหมายการพัฒนาโรงเรียนพระปริยัติธรรม โดยปกติโมดูล นี้ถือเป็นผลลัพธ์ (Outcome) ที่ได้จากการร่วมพัฒนาโมดูล ที่ 1 การพัฒนาภาวะผู้นํา โมดูล ที่ 2 การออกแบบการจัดการ เรียนรู้เชิงรุกการเปลี่ยนแปลง โมดูล ที่ 4 การพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมการเรียนรู้ โมดูล ซึ่งสิ่งที่ได้ดำเนินงานมาจะสะท้อนผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นผู้เรียนในโมดูลที่ 3 การพัฒนาทักษะและสมรรถนะของนักเรียน โดยผ่านการ กำกับติดตามผลโดย โมดูล ที่ 5 การนิเทศภายในและชุมชนการเรียนรู้วิชาชีพ
ข้อมูล (Data) เป็นปัจจัยสำคัญเพื่อพัฒนาคุณภาพสามเณรนักเรียนอย่างไร
จากที่อาจารย์ได้ลงไปสำรวจข้อมูลจากการถอดบทเรียนเห็นโอกาสที่จะสามารถพัฒนาให้ลูก ๆ สามเณร เกิดสมรรถนะที่เป็นไปตามหลักสูตรของโรงเรียนพระปริยัติธรรมและหลักสูตรแกนกลางได้ โดยเฉพาะสมรรถนะการใช้เทคโนโลยีที่มีความจำเป็นต่อการเรียนรู้ในปัจจุบัน แต่ด้วยเนื่องจากข้อจำกัดของสถานะครอบครัวสามเณร ข้อจำกัดของโรงเรียนที่อุปกรณ์ด้านเทคโนโลยีที่ไม่เพียงพอ และข้อจำกัดด้านสมณสารูป สิ่งนี้จึงได้เป็นส่วนหนึ่งของฐานการออกแบบการพัฒนาโมดูล ที่ 5 การพัฒนาทักษะและสมรรถนะของนักเรียน ทักษะการแก้ปัญหา ทักษะการดำรงชีวิตที่อยู่ในโรงเรียนประปริยัติธรรมที่มีความแตกต่างจากบริบทโรงเรียนสามัญ เป็นการเรียนรู้ที่จะส่งเสริมพัฒนาสามเณรนักเรียนให้มีทักษะและสมรรถนะในศตวรรษที่ 21 โดยสอดคล้องกับบริบทโรงเรียนพระปริยัติธรรม
มุมมองต่อนักเรียนทั่วไปกับสามเณรนักเรียนมีความแตกต่างอย่างไรบ้างในมุมมองของเรา
โรงเรียนพระปริยัติธรรมนั้นมีนโยบายส่งเสริมการเรียนรู้ของสามเณรนักเรียนเหมือนโรงเรียนปกติ แต่ความแตกต่างจะเป็นเรื่องข้อจำกัดในเรื่องของสมณสารูปที่ไม่เอื้อให้ปฏิบัติในบางกิจกรรม เช่น การออกกำลังกาย กิจกรรมบันเทิง หรือบางกิจกรรมที่เน้นการเคลื่อนไหวมากๆ เท่านั้น แต่ในด้านอื่น ๆ สามเณรนักเรียนก็ไม่ได้แตกต่างจากเด็กทั่วไป ทางโมดูลนี้จึงออกแบบการเรียนรู้ที่อยู่บนฐานของข้อจำกัดที่มี
จากการทำงานทำให้ค้นพบว่า สามเณรนักเรียนมีความสามารถและทักษะที่น่าสนใจซ่อนอยู่ในตัว เพียงแค่รอพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้แสดงออกตามความสามารถเท่านั้น
วิธีการทำงานร่วมกับครู ผู้บริหาร ศึกษานิเทศก์ และฝ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
วิธีการทำงานของโมดูล ที่ 5 การพัฒนาทักษะและสมรรถนะของนักเรียน คือการไปเฟ้นหาสมรรถนะและสกัดทักษะของลูก ๆ สามเณรที่แฝงอยู่ในตัวให้แสดงศักยภาพออกมาให้ได้มากที่สุด โดยโมดูล นี้ส่งเสริมอยู่ใน 5 สมรรถนะหลัก ผ่านการเรียนรู้ที่เปิดพื้นที่ให้สามเณรนักเรียนได้คิดอย่างอิสระ สร้างสรรค์ ซึ่งมี 5 สมรรถนะดังนี้
ด้วยเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่แน่นอนแล้ว เราจึงเฟ้นหาสามเณรนักเรียนที่มีความโดดเด่น มีทักษะความสามารถและสมรรถที่จะเป็นแกนนำในการพัฒนาตนเอง ส่งต่อทักษะ และสามารถต่อยอดให้เพื่อนร่วมชั้นได้เข้ามาอบรม การอบรมทางโครงการจะแบ่งคละ ๆ กลุ่มตามความสามารถและทักษะ โดยใช้กระบวนการกลุ่มเป็นแก่นในการทำกิจกรรมเพื่อให้เด็ก ๆ ได้สะท้อนทักษะและความสามารถตนเอง
จุดแข็ง – จุดอ่อน และข้อค้นพบของสามเณรนักเรียน
หลังจากที่เราเข้าไปทำกิจกรรมเราได้เห็นแนวทางการพัฒนาตั้งแต่แรกเริ่ม ตั้งแต่โมดูลของผู้บริหารที่โฟกัสมาที่การพัฒนาสมรรถนะการเรียนรู้ของสามเณรนักเรียนมากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้สะท้อนจากโครงการที่เกิดขึ้นมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาผู้เรียนเป็นสำคัญเพิ่มมากขึ้น ตัวคุณครูเองที่นอกจากจะสอนตามหลักสูตรแกนกลางแล้ว ได้หันมาปรับวิธีคิดปรับกระบวนการว่าจะทำอย่างไรให้ส่งเสริมให้เด็ก ๆ ได้มีสมรรถนะตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ สามเณรนักเรียนได้รับการหนุนเสริมให้มีพื้นที่และมีเวทีได้แสดงศักยภาพที่ซ่อนอยู่ มีกิจกรรมให้เรียนรู้มากกว่าในตำราเรียน และมีกระบวนการในการวัดผลประเมินผลที่มีความชัดเจน สิ่งเหล่านี้ส่งผ่านมายังตัวผู้เรียน และสิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นจุดแข็งของโรงเรียนพระปริยัติธรรม
จุดที่ต้องพัฒนาต่อ ที่ผ่านมาได้สามเณรที่เข้าร่วมโครงการโรงเรียนละ 5 – 10 รูป อาจารย์มองว่า
สามเณรกลุ่มนี้ที่ได้รับการพัฒนาแล้วจะสามารถพัฒนาต่อได้อย่างไร จะหนุนเสริมอย่างไรให้เกิดการขยายผลเกิดการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างโรงเรียน / วัดให้มากขึ้น
คุณครูโรงเรียนพระปริยัติธรรม การหนุนเสริมอย่างไรให้เกิดการพัฒนาแลกเปลี่ยนความรู้และขยายผลผ่านการ PLC ได้อย่างสม่ำเสมอและมีประสิทธิภาพ
พระปริยัตินิเทศก์/ศึกษานิเทศก์ เกิดการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องมีการขยายผลเห็นร่องรอยของผลลัพธ์ที่ดำเนินการต่ออย่างมีเป้าหมาย
อาจารย์สังเกตเห็นอะไรจากกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดขึ้น
ผลสะท้อนจากเราพบว่าสามเณรหลายรูปมีแบ่งได้ออกเป็น 3 กลุ่ม ภาวะความเป็นผู้นำสูง ปานกลาง และกำลังรอการส่งเสริม ซึ่งทุก ๆ กิจกรรมที่เราอบรมเป็นกลุ่มแบบ Active Learning ที่จะช่วยส่งเสริมให้สามเณรได้แสดงสมรรถนะทั้ง 5 ให้ได้มากที่สุดและอยู่บนสมณสารูปที่เหมาะสม
สิ่งที่เห็นจากการเปลี่ยนแปลงในตัวของเด็กๆ ที่เกิดขึ้น ด้วยตัวกิจกรรมจัดให้เด็กจากหลายพื้นที่ หลายโรงเรียนเข้ามาเรียนรู้ร่วมกันแบบคละความสามารถ ใช้ฐานกิจกรรมกลุ่มทำให้สามารถปรับตัวให้เข้ากันได้ ได้ทำงานกันเป็นทีม แก้ปัญหาร่วมกัน ได้แสดงศักยภาพตามความสามารถ เกิดการสะท้อนคิด และโครงการนี้เปิดโอกาสให้สามเณรนักเรียนได้ใช้เทคโนโลยีแบบต่าง ๆ ในการเรียนรู้และการทำงานร่วมกับเพื่อนสามเณร การเปิดพื้นที่=การเปิดโอกาส ให้เกิดพื้นที่แสดงออกยิ่งทำให้เราค้นพบว่าเด็ก ๆ มีศักยภาพมากกว่าที่เราคาดการณ์ไว้แต่แรกด้วยซ้ำ และบางคนที่มีทักษะการเรียนรู้เทียบเท่ากับวิทยากรเลยด้วยซ้ำ ซึ่งเป็นเรื่องที่อาจารย์ประทับใจมาก และเรายังสามารถผลักดันให้สามเณรนักเรียนสามารถเป็นผู้ช่วยวิทยากรในหลาย ๆ กิจกรรม
และด้วยตัวกิจกรรมที่ให้สามเณรจากหลายพื้นที่มีโอกาสเข้ามาแลกเปลี่ยนร่วมกัน ทำให้ลูกๆ สามเณรมีเครือข่ายการเรียนรู้เพิ่มขึ้น ในอนาคตจะเกิดการแลกเปลี่ยนความรู้การทำงานที่จะสร้างคุณประโยชน์ให้กับแก่สามเณร โรงเรียนพระปริยัติ และทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาได้
ผลสะท้อนจากออกแบบวางแผนการทำงาน
โมดูลที่อาจารย์ดูแลเป็นโมดูลของผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นช่วงท้าย ๆ ซึ่งการวางแผนและออกแบบที่มีประสิทธิภาพการทำงานผ่านกลไกของผู้บริหาร ผ่านกลไกครู ผ่านกลไกของศึกษานิเทศก์ ที่สอดคล้องเกี่ยวเนื่องกันมีไทม์ไลน์ที่เหมาะสมทำให้กระบวนการทำงานได้ผลลัพธ์ที่เกิดประสิทธิภาพ ที่ผลการทำงานนั้นสะท้อนผ่านจากพฤติกรรมผู้เรียนที่มีการพัฒนาเป็นไปตามเป้าหมายมีสมรรถนะที่เราวางแผนไว้และมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์
สิ่งที่สะท้อนความสำเร็จจากโครงการ การทำงานของโครงการนี้มีเป้าหมายเชิงพื้นที่แค่ 2 ภูมิภาคคือภาคเหนือและภาคอีสาน ที่มีสามเณรเข้าร่วมโครงการเกือบร้อยรูปแต่หลังจากจบโครงการไปแล้วสามเณรสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ที่มีความเหนียวแน่นในการทำงาน เกิดผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นลูก ๆ สามเณรนักเรียนได้มีโอกาสนำเสนอโครงการ/ออกแบบโครงการให้กับโรงเรียนสะท้อนขึ้นไปที่ผู้บริหารเพื่อแสดงความต้องการว่าสามเณรอยากพัฒนาหรือต้องการเรียนรู้อะไร เป็นการทำงานแบบล่างขึ้นบนและเป็นการออกแบบการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจากผู้เรียนที่แท้จริง
โครงการพัฒนาสมรรถนะสามเณรนักเรียนในโรงเรียนพระปริยัติธรรมนี้เป็นกระบวนการที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถแสดงศักยภาพและพัฒนาทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างเหมาะสมกับบริบทของตนเอง ผ่านการออกแบบโมดูลการเรียนรู้ที่เน้นการสื่อสาร การคิดขั้นสูง การแก้ปัญหา การดำรงชีวิตในสมณสารูป และการใช้เทคโนโลยี โดยได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหาร ครู และศึกษานิเทศก์ที่ช่วยกันผลักดันให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือและการเรียนรู้ที่ต่อเนื่อง การเปิดพื้นที่ให้สามเณรนักเรียนได้แสดงออกและทำงานร่วมกันได้ช่วยให้เด็กๆ พัฒนาตนเองเป็นผู้นำทางความคิด และสร้างโอกาสให้กับเพื่อนร่วมรุ่น ทั้งนี้ โครงการไม่เพียงแต่ส่งเสริมการเรียนรู้ในปัจจุบัน แต่ยังวางรากฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาการศึกษาพระปริยัติธรรมในระยะยาว เพื่อให้สามเณรสามารถนำองค์ความรู้ไปใช้ประโยชน์ต่อทั้งตนเอง สังคม และพระพุทธศาสนาได้อย่างยั่งยืน
ปลดล็อกการศึกษาไทยแบบไร้ข้อจำกัด
“Thailand Zero Dropout: พัฒนาการศึกษาและการเรียนรู้โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” มากกว่านโยบายคือการสร้างการเปลี่ยนแปลงของการเรียนรู้ทั้งระบบ เพื่อให้เด็กทุกคนได้ไปต่อ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพราะเด็กและเยาวชนทุกคนล้วนมีความแตกต่าง หลากหลาย และเส้นทางชีวิตที่ไม่เหมือนกัน การศึกษาจึงไม่ควรเป็นเรื่องของคนบางกลุ่ม แต่ต้องเปิดกว้างทางโอกาสสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน มีภูมิหลังแบบใด หรือกำลังเผชิญอุปสรรคใดในชีวิต
Bottom-up Education ฉบับนี้ ถ่ายทอดกลยุทธ์สำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย Thailand Zero Dropout ที่นำเสนอแนวคิดและเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อ “ปิดช่องว่าง” ของระบบการศึกษาไทย โดยเฉพาะกลุ่มเด็กหลุดจากระบบ เด็กนอกโรงเรียน เด็กด้อยโอกาส ไปจนถึงเยาวชนที่ถูกมองข้าม เพื่อให้พวกเขาสามารถกลับมาเรียนรู้ได้อีกครั้งอย่างเหมาะสมและยั่งยืน โดยผู้อ่านจะได้เข้าใจตั้งแต่รากของปัญหา ไปจนถึงวิธีแก้ไขที่เป็นรูปธรรม ชี้ให้เห็นว่าการออกแบบนโยบายเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ไม่ใช่เพียงการช่วยเหลือ แต่คือการลงทุนกับ “ทุนมนุษย์” ที่สำคัญที่สุดของชาติ
Cookie | Duration | Description |
---|---|---|
cookielawinfo-checkbox-analytics | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Analytics". |
cookielawinfo-checkbox-functional | 11 months | The cookie is set by GDPR cookie consent to record the user consent for the cookies in the category "Functional". |
cookielawinfo-checkbox-necessary | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookies is used to store the user consent for the cookies in the category "Necessary". |
cookielawinfo-checkbox-others | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Other. |
cookielawinfo-checkbox-performance | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Performance". |
viewed_cookie_policy | 11 months | The cookie is set by the GDPR Cookie Consent plugin and is used to store whether or not user has consented to the use of cookies. It does not store any personal data. |