รูปแบบตำราเรียนในปัจจุบันส่วนใหญ่มักเป็นบทเรียนสำเร็จรูปบรรจุในสาระวิชาประเภทต่าง ๆ ซึ่งเป็นเนื้อหาที่พิมพ์ซ้ำและมักไม่ได้ปรับปรุงเนื้อหาในเข้ากับสถานการณ์หรือบริบทของสังคมในยุคปัจจุบัน และด้วยเงื่อนไขบางอย่างทำให้การแก้ไขปัญหาข้อผิดพลาดที่ตีพิมพ์ในตำราเรียนเป็นเรื่องยาก ทำให้เยาวชนต้องเรียนเนื้อหาบางเรื่องที่ไม่เข้ากับบริบทสังคม หรือบทเรียนที่เนื้อหาไม่เหมาะสมไปเป็นเวลานานอีกหลาย ๆ ปี
เมื่อเกิดเป็นครูต้องสอนตามแบบเรียน เราแก้เนื้อหาเหล่านั้นไม่ได้ก็จริง แต่เราสามารถนำพานักเรียนพัฒนาสู่ทักษะการการอ่านขั้นสูงด้วยการตีความเนื้อหาสู่มิติต่างๆทางสังคมได้ หรือแม้แต่คิดกิจกรรมเสริมการอ่าน ด้วยการชวนเด็กๆใช้ความคิดสร้างสรรค์ ในการสร้างเรื่องราวชีวิตใหม่ของตัวละครในตำราได้
ซึ่งทักษะการอ่านมีรูปแบบและลำดับขั้นนั้นมีอะไรบ้าง
1. การอ่านจับใจความ
เป็นการอ่านอย่างละเอียดเพื่อเก็บแนวคิด หรือสรุปสาระสำคัญของเรื่อง โดยมีหลักสำคัญของการอ่านจับใจความ คือการแยกใจความที่จับจากคำสำคัญ (keyword) ที่ปรากฏในเนื้อหา
หลักการ
1. สังเกตส่วนประกอบของงานเขียน เช่น ชื่อเรื่อง คำนำ วัตถุประสงค์ ของผู้เขียนว่าเป็นงานเกี่ยวกับอะไร และเขียนเพื่ออะไร
2. วิเคราะห์จุดประสงค์งานเขียน
3. จัดลำดับเนื้อหาใหม่ตามความสำคัญ เพื่อดูความเชื่อมโยง
4. ใช้การตั้งคำถามกว้าง ๆ ว่าใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร และทำไม เพื่อหาความสัมพันธ์ของการดำเนินเรื่อง
2. การอ่านตีความ
เป็นทักษะอีกลำดับขั้นเป็นการอ่านที่ผู้อ่านจะต้องใช้สติปัญญาตีความหมายของคำและข้อความ โดยพิจารณาถึงความหมายแฝงที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อ โดยอาศัยเนื้อหาแวดล้อม ความรู้ ประสบการณ์ โดยอาศัยบริบท น้ำเสียงของผู้เขียน เจตคติ ภูมิหลังของเหตุการณ์ประกอบด้วยเป็นตัวช่วยในตีความเนื้อหาให้ตรงตามจุดประสงค์ของผู้เขียนที่ต้องการสื่อ
หลักการ
1. อ่านเรื่องให้ละเอียด จับประเด็นสำคัญ
2. หาเหตุผลอย่างรอบคอบเพื่อพิจารณาว่ามีความหมายถึงสิ่งใด
3. ทำความเข้าใจกับเนื้อความที่ได้จากการตีความ
4. เรียบเรียงเนื้อความให้มีความหมายชัดเจน มีเหตุมีผล
3. การอ่านอย่างมีวิจารณญาณ
การอ่านอย่างมีวิจารณญาณเป็นการอ่านระดับสูงที่ต้องใช้สติปัญญาใคร่ครวญ และพิจารณาสิ่งที่อ่านอย่างรอบคอบ สรุปสาระสำคัญที่เป็นทั้งความหมายโดยนัย อารมณ์ จุดประสงค์ โดยผู้อ่านสามารถแยกแยะข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น เพื่อตัดสินประเมินค่า สิ่งที่อ่านได้อย่างถูกต้อง ทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ ผู้อ่านรู้จักวิเคราะห์ ตรวจสอบ และเลือกรับข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ได้อย่างมีเหตุผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกออนไลน์ที่ล้นไปด้วยข้อมูล
หลักการ
1. จับความหมายของคำ ข้อความ หรือประโยค
2. สรุปมโนทัศน์ของเรื่อง เรียงลำดับเหตุการณ์และเล่าเรื่องได้
3. วิเคราะห์แยกแยะรายละเอียดของเนื้อเรื่อง
4. แยกแยะข้อเท็จจริงออกจากความคิดเห็นและความรู้สึก
5. ประเมินค่า พิจารณาตัดสินข้อเท็จจริงรวมทั้งคุณค่าเหตุผล
4. การอ่านเชิงวิเคราะห์
การอ่านชนิดนี้เป็นการอ่านเพื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เป็นการแยกแยะทำความเข้าใจองค์ประกอบหรือโครงสร้างของหนังสือแต่ละประเภท
หลักการ
1. ศึกษารูปแบบของงานเขียนว่าเป็นรูปแบบใด
2. ถอดเนื้อเรื่อง ว่าใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร และเมื่อไร
3. พิจารณาเนื้อหาแต่ละส่วนให้ละเอียดว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง
4. พิจารณากลวิธีในการนำเสนอ
การอ่านเพื่อประเมินคุณค่า
เป็นการอ่าน เพื่ออธิบายลักษณะของงานเขียนหรือสารที่อ่านว่าดีหรือไม่ดีอย่างไร มีคุณค่าหรือมีข้อบกพร่องอย่างไร ซึ่งมีวิธีการประเมินค่าการอ่านนั้นประกอบด้วย 4 ด้าน
- ด้านวรรณศิลป์ ใช้คำที่สละสลวยเหมาะสม
- ด้านเนื้อหา มีสาระเป็นข้อเท็จจริง
- ด้านสังคม มีเนื้อหาตามสภาพสังคม
- ได้ข้อคิดที่จะนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตของผู้อ่านได้
หลักการ
1. พิจารณาความถูกต้องของภาษา
2. พิจารณาความต่อเนื่องของประโยค สอดคล้อง ไม่ขัดแย้งกัน
3. พิจารณาความต่อเนื่องของความหมาย
4. เมื่ออ่านแล้วต้องแยกข้อเท็จจริงออกจากความคิดเห็น และความรู้สึกได้
หรือ ชวนไปถึงการสร้างสรรค์วรรณกรรม ด้วยกิจกรรมการอ่านแบบสร้างสรรค์
- ชวนเด็กสร้างสรรค์ ด้วยคำว่า “ถ้า” เช่น ถ้าเป็นเรา ถ้าเรามีเงิน ถ้าเราไม่มีเงิน ถ้าเราเลือกได้ ถ้าเราทำอาหาร ถ้าไม่ใช่น้ำปลา
- ชวนตีความจากสถานการณ์ของตัวละครในเรื่องว่า ทำไมเขาถึงพอใจในไข่ต้ม และ น้ำปลา
- ชวนเปลี่ยนเรื่องราวในชีวิตใหม่ ถ้าเราอยากกินอาหารที่ดี มีประโยชน์ เราต้องทำอย่างไร
- ชวนเปลี่ยนเรื่องให้มีประโยชน์ต่อต่อสุขภาพ เช่น เราไม่กินน้ำปลาเพื่อป้องกันโรคไตได้ไหม เราจะกินอะไรกับไข่ต้มได้บ้าง
ฯลฯ
ถึงแม้ว่าบทเรียนบางเล่มอาจจะไม่ทันสมัย แต่สังคมการศึกษาเปลี่ยนแปลงไปแล้ว สังคมเปิดกว้างให้ครูได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ถ้าเรามีคำถามกับบทเรียนที่เราสอน หรือแม้แต่ที่มาของบทเรียน เราสามารถสร้างสรรค์ หรือชวนเด็กตั้งคำถามเพื่อหาคำตอบ เราอาจจะได้บทเรียนมากกว่าในตำราและสร้างสรรค์การเรียนรู้ให้ทันสมัยได้มากกว่ามหาศาล
ขอขอบคุณข้อมูล:
– ทักษะชีวิตที่สร้างด้วยแบบเรียนนอกตำราเด็กจะต้องเรียนรู้อย่างมีวิจารณญาณ
https://d.dailynews.co.th/education/211743/
-ประเภทของการอ่าน
http://mmuthita.blogspot.com/p/blog-page_64.html
-ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการใช้ภาษาไทยในการอ่าน
https://creamr-yim.wixsite.com/thai/—————–c8h4
-การประเมินคุณค่าหรือแนวคิดที่ได้จากการอ่าน
-ใบความรู้เรื่อง การอ่านประเมินคุณค่าเรื่องคุณค่าวรรณกรรม รายวิชาพื้นฐานภาษาไทย
Writer
- Admin I AM KRU.