แลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวปฏิบัติที่ดีด้านระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน
ระบบ Q-Info “กระบวนการจัดเก็บข้อมูล” ที่ถูกออกแบบและพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือสนับสนุนการดำเนินงานของครูและบุคลากรด้านการศึกษาให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยผ่านการทดสอบกระบวนการที่สอดคล้องกับการทำงานประจำวัน (Daily Tasks) ของครูและโรงเรียน ซึ่งเป็นไปอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีการศึกษา เป็นข้อมูลที่มีการดำเนินการตลอดปีการศึกษาและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ทั้งในด้านการพัฒนาคุณภาพการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ Q-Info จึงเป็นเครื่องมือพื้นฐานทางข้อมูลสารสนเทศ (Informational infrastructure) เพื่อการพัฒนาโรงเรียนในระยะยาว
กลุ่มเขตพื้นที่การศึกษากำแพงเพชร
เริ่มต้นสรุปเรื่องมาตรฐานการทำงานของระบบ Q-Info 5 ขั้นตอน
- ทำรายงาน ปพ5 ให้ผู้อำนวยการเซ็นได้เลย
- ขาด ลา มา สาย เพื่อพิจารณา
- ทำรายงาน ปพ5 ให้ผู้อำนวยการเซ็นได้เลย
- เชื่อมโยงไปใช้งานกับฐานข้อมูลอื่น ๆ ได้ง่าย สามารถ Export และ Updoad ต่อเนื่องได้เลย
- ผู้ปกครอง มี Q Parent สามารถตรวจเวลามาเรียน ผลการเรียนของลูกได้
Q-Info
- รู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล
รู้จักข้อมูลเด็กให้มากที่สุด ผ่านการสอบถามพูดคุยนักเรียนให้มากที่สุด ออกเยี่ยมบ้าน 100% รู้จักสภาพความเป็นอยู่ เพื่อหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเด็กให้มากที่สุด
- คัดกรองนักเรียน ส่วนใหญ่ใช้แบบประเมินจุดแข็งและจุดอ่อน (Strengths and Difficulties Questionnaire: SDQ) และ การคัดกรองนักเรียนยากจน (Conditional Cash-transfer : CCT) ของกองทุนเสมอภาคทางการศึกษา ที่เมื่อกรอก Q-Info ข้อมูลจะไปขึ้นที่ CCT โดยอัตโนมัติคัดกรองสติปัญญา (IQ) และความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) และระบบ Q Info ในการจัดการระบบจัดเก็บข้อมูลนักเรียนรายบุคคล (Data Management Center) ของสพฐ. เพื่อคัดกรองเด็กเข้ารับทุนการศึกษา เงินช่วยเหลือประเภทต่าง ๆ ทั้งจากของ กสศ. ท้องที่ และทุนของเอกชน
- ทำรายงาน ปพ5 ให้ผู้อำนวยการเซ็นได้เลย
- ขาด ลา มา สาย เพื่อพิจารณา
- ทำรายงาน ปพ5 ให้ผู้อำนวยการเซ็นได้เลย
- เชื่อมโยงไปใช้งานกับฐานข้อมูลอื่น ๆ ได้ง่าย สามารถ Export และ Updoad ต่อเนื่องได้เลย
- ผู้ปกครอง มี Q Parent สามารถตรวจเวลามาเรียน ผลการเรียนของลูกได้
- การส่งเสริมนักเรียน
- แบ่งทักษะตามความถนัด วิชาการ ทักษะทางศิลปะและการแสดงออก
- การประชุมผู้ปกครอง ทำความเข้าใจผู้ปกครอง
- เครือข่ายชั้นเรียน ช่วยสอดส่อง ช่วยติดตามเด็กที่ไม่มาเรียนได้
- การป้องกันแก้ไขปัญหา
- ใช้การโฮมรูม
- TSQP
- จิตศึกษา เปลี่ยนครู ทำให้เด็กกล้าคุยกับครูทุกเรื่อง
- PLC ทำให้ครูเข้าหาและแลกเปลี่ยนเพื่อแก้ปัญหาเด็ก
- การส่งต่อเด็กกับหน่วยงานเพื่อช่วยเหลือ พาไปรักษาอาการเจ็บป่วยหรือเรื้อรัง หรือขอทุนจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เพื่อสนับสนุนครอบครัวเด็ก (พม.) ที่ทุกจังหวัดมีอยู่แล้ว
กลุ่มโรงเรียนเขตพื้นที่พิษณุโลก – เพชรบูรณ์
ระบบดูแลช่วยเหลือ 360 องศา
ยกเคสตัวอย่างช่วยทำให้เด็กที่หลุดจากการศึกษาในช่วงโควิดในช่วง 2 ปี เด็กนักเรียนชั้น ป.3 ที่หลุดจากระบบการศึกษาไป 2 ปี กลายเป็นเด็กเร่ร่อนให้กลับมาเรียนโดยผ่าน 5 ขั้นตอน Q-Info และใช้ระบบดูแลช่วยเหลือ 360 องศา เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้เด็กกลับเข้ามาสู่ระบบการศึกษา
ระบบดูแลช่วยเหลือ 360 องศา
อิ่มใจ – จิตศึกษา / เพื่อนช่วยเพื่อน
อิ่มสมอง – กระบวนการจัดการศึกษาวิชาการและความถนัด
อิ่มท้อง – ช่วยเหลือผ่านการคัดกรอง ส่งเสริมการพัฒนาร่างกาย
นอกจากการช่วยเหลือแล้วคุณครูต้องทำสิ่งเหล่านี้ควบคู่กันไปด้วย
- ครูประจำชั้นคัดกรองเด็ก ถ้าเด็กมีปัญหาต้องไปติดตาม ไปเยี่ยมบ้าน และกรอกข้อมูล CCT
เราต้องทำให้เด็กด้อยโอกาส ได้รับโอกาสและการดูแลเพื่อให้คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
- ความรักความเอาใจใส่ และการทำงานเชิงรุก (ทีมเคลื่อนที่เร็ว)
- ระบบการดูแลที่มีประสิทธิภาพ
- ส่งเสริมพัฒนา กระบวนการจัดการเรียนรู้ ตามทักษะและความถนัด
- ส่งต่อหน่วยงานที่ช่วยเหลือในด้านจิตใจ เช่นบ้านพักเด็ก หรือหน่วยงานที่สามารถสนับสนุนสิ่งที่เด็กขาดแคลนได้ หรือประสานงานหลายฝ่ายเพื่อช่วยเหลือเด็กให้กลับเข้าระบบ
สิ่งที่นำเสนอได้ส่งต่อเป็นนวัตกรรมด้านการบริหารจัดการที่ดีของกรมการปกครองส่วนท้องถิ่น
กลุ่มโรงเรียนพิษณุโลก เขต 1 เขต 2 เขต 3
นำเสนอรูปแบบหรือการตอบสนองต่อการให้ความช่วยเหลือ (Responsiveness to Intervention : RTI) หรือการตอบสนองต่อการให้ความช่วยเหลือ RTI 3 ระยะ
Tier 1 การสอนปกติของเด็กในห้องเรียน เทคนิคหลากหลาย วัดผลเป็นระยะ
Tier 2 กลุ่มที่เด็กเรียนรู้ไม่เท่าทันเพื่อนการสอนแยกกลุ่ม นำมาสอนทีหลัง
Tier 3 การสอนรายบุคคล (กลุ่มเสี่ยง)
มีการใช้ Demo CCT ได้รู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคลและช่วยให้รู้ข้อมูลมากขึ้น Q-Info ของ โรงเรียนวัดปากพิงตะวันตก นั้นเพิ่มในส่วนเรื่องของการใช้จิตวิทยาเชิงบวกสร้างพื้นที่ที่เป็น Safe zone ของนักเรียน
สิ่งที่กลุ่มนำเสนออยากพัฒนาในระบบช่วยเหลือดูแลนักเรียน
– การสร้างเครือข่าย
– อยากให้มีกระบวนการส่งต่อบุคลากรรุ่นต่อไป (สำหรับครูที่มารับช่วงงานต่อ)
– ภาระงานที่เกินกว่าที่จะช่วยเหลือนักเรียนได้
– พัฒนาประสิทธิภาพการทำงานในระบบนี้สำหรับครูประจำชั้น
กลุ่มเครือข่ายนครสวรรค์
ได้นำเสนอเพิ่มเติมในส่วนที่น่าสนใจในด้านการคัดกรองแยกเด็กออกเป็น 3 กลุ่ม ใช้แบบประเมินจุดแข็งและจุดอ่อน (Strengths and Difficulties Questionnaire: SDQ) เพื่อทำให้การสามารถบริหารจัดการเรียนการสอนได้ตรงตามเป้าหมายที่ต้องการเรียนรู้
- เด็กพิเศษและเด็กมีความสามารถ
- เด็กพิเศษจัดทำแผนการสอนเฉพาะบุคคล (Individual Implementation Program: IIP)
- เด็กที่มีความสามารถเฉพาะด้านจะใช้แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (IEP)
- เด็กปกติ – จัดการเรียนการสอนและหาจุดแข็งเพื่อส่งเสริม
- เด็กเสี่ยง – จัดค่ายคุณธรรม / จริยธรรม
รับชม Live เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวปฏิบัติที่ดีด้านระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน
“จากเวทีมหกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้โรงเรียนพัฒนาตนเองระดับพื้นที่ ครั้งที่ 1” ได้ที่
Writer
- Admin I AM KRU.