แนวทางการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรม อนุวัตรไปตามการเปลี่ยนแปลงของโลก

Share on

Loading

เมื่อโลกเปลี่ยนไปทั้งภายใน- ภายนอก อะไรคือความสำคัญจำเป็นด้านนโยบายการศึกษาของโรงเรียนพระปริยัติธรรม 

“คำถามของโยมทำให้อาตมารำลึกถึงพระดำริของเจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฎฺฐายี) มหาเถระ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร พระองค์ทรงเห็นความสำคัญด้านการศึกษาของพระภิกษุสามเณร ทรงดำริเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2514 (หรือกว่า 50 ปีที่แล้ว)  ‘โลกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด พระภิกษุสามเณร จำเป็นต้องรู้เท่าทันโลกการเปลี่ยนแปลงของโลก’ จึงมีความจำเป็นที่พระภิกษุสามเณรจะต้องเรียนทั้งหลักสูตรของพระพุทธศาสนา เรียนธรรมบาลี และต้องเรียนรู้หลักสูตรของสายสามัญด้วย เพื่อจะได้ปรับตัวให้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา”

“เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการจัดการของคณะสงฆ์จำเป็นต้องวิวัตรให้เท่าทันโลกของการศึกษาด้วยเช่นกัน พระภิกษุจะเรียนรู้แต่ธรรมบาลีคงไม่เพียงพอ จำเป็นต้องเรียนหลักสูตรพระพุทธศาสนาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เพื่อไม่ได้เกิดสัทธรรมปฏิรูปที่ผิดเพี้ยนไปจากพระไตรปิฎก (สัทธรรมปฏิรูป = ความเข้าใจคำสอนที่ผิดเพี้ยนไปจากสัทธรรมจริง) และจำเป็นต้องเรียนวิชาความรู้สายสามัญเพื่อพัฒนาศักยภาพตนเองอีกทางหนึ่ง และต้องพัฒนาความรู้ด้านภาษา เพราะโลกในยุคปัจจุบันนั้นเชื่อมต่อกันด้วยภาษา ซึ่งพระภิกษุ/สามเณรนั้นเป็นตัวแทนเผยแผ่พระพุทธศาสนา ทำให้สามารถสื่อสารหลักธรรมไปได้กว้างไกลขึ้น การศึกษาแบบสามัญที่พัฒนาพื้นฐานทักษะทางโลกจึงเป็นการเรียนที่ตอบโจทย์ของคณะสงฆ์ได้เป็นอย่างดี เพราะการศึกษาของสามเณรไม่ได้สิ้นสุดแค่มัธยมศึกษา ทางสำนักการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรมจึงจำเป็นต้องพัฒนาความรู้และทักษะของสามเณรนักเรียนเพื่อเตรียมความพร้อมในการศึกษาต่อทั้งระดับที่สูงขึ้นไปทั้งการเรียนเอกทางธรรมในสถาบันการศึกษาสำหรับพระสงฆ์ หรือระดับมหาวิทยาลัยของฆราวาส” 

วิธีการตามเท่าทันโลก คือ การปรับหลักสูตรการเรียนรู้และการพัฒนาครูโรงเรียนพระปริยัติธรรม 

แม้แต่พระสงฆ์ที่เรียนจบเปรียญธรรม 9 ก็ยังต้องเรียนรู้สายสามัญเพื่อจะได้นำความรู้มาต่อยอด จะมีความรู้แต่ภาษาธรรม โลกไม่เข้าใจไม่ได้ ต้องสามารถที่จะนำเสนอความรู้ทั้งทางโลกทางธรรม และเรียนรู้ศาสตร์ด้านอื่น ๆ จะได้คุยกับชาวบ้านเขารู้เรื่อง ดังนั้น พระสงฆ์จำเป็นต้องเรียนรู้ วิทยาการทางโลกแต่ต้องไม่ทิ้งหลักการทางพระพุทธศาสนา พระไตรปิฎกและความรู้ด้านพระพุทธศาสนาที่เป็นเรื่องจริงเรื่องแท้ แต่กระบวนการที่จะนำศาสตร์สมัยใหม่มาต่อยอดพัฒนาเป็นเรื่องที่ต้องพัฒนาการศึกษาต่อไป”

แล้วการศึกษาของโรงเรียนพระปริยัติธรรมตอนนี้ตอบโจทย์แล้วหรือยัง

“อาตมาว่าน่าจะตอบโจทย์เพราะการพัฒนาคน เราต้องพัฒนาไปตามระบบการศึกษาพื้นฐานอย่างไร ระบบการศึกษาของสงฆ์ควรจะต้องเรียนให้เท่าทันตามข้อกำหนดการศึกษาภาคบังคับของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งพระภิกษุสามเณรต้องเรียนให้รู้ให้เท่าทันให้ได้ ด้วยการศึกษาของโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ตอนนี้ตอบโจทย์ทั้งการศึกษาของชาติ และหลักสูตรตามคณะสงฆ์กำหนดไว้” 

การดำเนินการการขับเคลื่อนด้านการพัฒนาบุคลากรและหลักสูตรการศึกษา

เรื่องของการพัฒนาบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนพระปริยัติธรรมหรือเจ้าหน้าที่การศึกษาพระปริยัติธรรม (จศป.) โดยเฉพาะแผนกสามัญศึกษา ทางสำนักเขตการศึกษาพระปริยัติธรรม ได้ให้ความสำคัญเช่นกัน

ด้านการพัฒนาผู้บริหาร

“มีการอบรมพัฒนาทักษะความรู้เพื่อสร้างผู้บริหารโรงเรียนพระปริยัติธรรมยุคใหม่ที่มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการการศึกษา มีภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เกิดการดำเนินงานที่เห็นเป้าหมายการทำงานที่สอดคล้องกัน โดยมุ่งเป้าหมายไปที่ ผู้บริหารสถานศึกษา ทั้งผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ ซึ่งได้จัดการอบรมมาแล้ว 5 รุ่น เป็นระยะเวลา 5 วัน  โดยทางทีมงานโครงการ ฯ จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น นำโดย รศ.ดร. จตุภูมิ เขตจตุรัส หัวหน้าโครงการฯ  ได้ดำเนินการจัดทำหลักสูตรร่วมกับสำนักการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา โดยบอกเล่าประเด็นความต้องการที่อยากพัฒนาให้กับทีมทำงาน เพื่อให้ทางทีมงานวิเคราะห์ความต้องการ ว่าต้องการออกแบบหลักสูตรอย่างไรให้สอดคล้องกับบริบทความต้องการของโรงเรียนพระปริยัติธรรมในแต่ละพื้นที่ โดยในภายหน้าจะมีการต่อยอดให้ผู้บริหารเขตการศึกษาได้มีโอกาสเข้าร่วมอบรมหลักสูตรผู้บริหารนี้เช่นกัน” 

ด้านการพัฒนาครู 

“การออกแบบการศึกษาของโรงเรียนพระปริยัติธรรมที่ทำงานร่วมกับคณะทำงานที่นำโดย รศ.ดร. จตุภูมิ เขตจตุรัส นั้นใช้งานวิจัยเป็นฐานในการพัฒนาหลักสูตรของโรงเรียนปริยัติธรรม ร่วมกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กสศ. โดยใช้ทีมงานและฐานของการถอดบทเรียนและงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นฐานในการดำเนินงาน เพื่อให้มีเป้าหมายและแนวทางการพัฒนาโดยมีหลักคิดของการทำงานที่อยู่บนฐานของข้อมูลจากวิจัยที่ได้จากการลงสำรวจพื้นที่จริง”

การขยายผลของโครงการ 

“การต่อยอดโครงการนั้นจะทำอยู่บนพื้นฐานข้อมูลของงานวิจัยในการทำงานต่อยอดขยายผลสู่โรงเรียน จุดอ่อน จุดแข็ง จุดที่ต้องพัฒนา และข้อค้นพบที่ได้จากงานวิจัยจะต้องดำเนินต่อไป จะไม่ทำโดยคิดกันไปเอง ทุกอย่างตอนนี้ขอทำภายใต้ที่มีข้อมูลของงานวิจัยรองรับ หรือหยิบงานวิจัยที่มีบริบทใกล้เคียงหรือเกี่ยวข้องคัดกรองมาใช้ประกอบการดำเนินงานพัฒนาต่อยอดในโครงการต่อไป เรื่องทุนการทำงานก็เป็นส่วนสำคัญต้องแสวงหา ภายใต้การดำเนินงานของสำนักพระพุทธศาสนานั้นมีหลายภาคส่วนเป็นการยากที่จะขอทุนมาสนับสนุนเพื่อให้เกิดงานวิจัยที่ดีแบบนี้ อาตมาขออนุโมธทนา และหากได้รับทุนการทำงานจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กสศ. ก็จะเป็นส่วนดีที่ช่วยให้โครงการได้ดำเนินการต่อไป”

“ผลการวิจัยโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญ 20 แห่งนี้จะเป็นแบบอย่างในการพัฒนาศักยภาพของโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญ ในพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป ซึ่งโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญนั้น รูปแบบในการพัฒนาโดยทำเป็นระบบ เพื่อพัฒนาโรงเรียนให้มีคุณภาพ และมีการกำกับดูแลจากครู คณะทีมวิจัย ที่ได้นำความรู้มาพัฒนาให้กับโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญ ตลอดระยะเวลา 11 เดือน 

  ตลอดระยะเวลา 11 เดือนนั้น ทั้งผู้บริหาร ครู และนักเรียน พร้อมกับคณะวิจัย ได้เห็นภาพแล้วว่าโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญ โดยพื้นฐานมีอะไรบ้างที่เป็นจุดเด่นและสิ่งที่ต้องพัฒนา ในส่วนของการพัฒนาคณะวิจัยได้เข้ามาเพิ่มเติมความรู้ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของโรงเรียนทั้ง 20 แห่งนี้ เป็นแบบอย่าง และโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญ จะได้นำโครงการนี้ เพื่อต่อยอดในการพัฒนาโรงเรียนให้เกิดคุณภาพตามความปรารถนาและความตั้งใจของ รองศาสตราจารย์ ดร.จตุภูมิ เขตจัตุรัส หัวหน้าโครงการฯ และต่อไปนั้นก็จะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาไปยังผู้บริหาร ครูโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญในพื้นที่ภูมิภาคอื่น ๆ 

ผลการดำเนินงานในการจัดทำโครงการเป็นรุ่นที่ 1 ได้มีพื้นฐานอย่างเห็นได้ชัดว่าผู้บริหาร ครู 

ของโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญ เป็นอย่างไรบ้าง และในรุ่นต่อ ๆ ไป คงจะต้องมีการเตรียมความพร้อมในการที่คณะวิจัยจะพัฒนาและให้องค์ความรู้แก่ผู้บริหาร ครู และนักเรียน อยากให้ผู้อำนวยการโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญ เป็นผู้ที่เก่ง และพัฒนาโรงเรียนต่อไป”  พระเทพพัชราภรณ์ได้กล่าวสัมโมทนียกถาถึงผลดำเนินงานโครงการเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2567

ทาง I AM KRU. ต้องขอกราบขอบพระคุณและนมัสการลาพระคุณเจ้าสำหรับโอกาสในการสัมภาษณ์

ถอดความจากสัมภาษณ์และสัมโมทนียกถา โดยพระคุณเจ้าพระเทพพัชราภรณ์ ประธานกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรม ณ การประชุมถอดบทเรียนความสำเร็จและนิทรรศการโรงเรียนต้นแบบพื้นที่นำร่องภายใต้โครงการพัฒนาคุณภาพโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา สู่ต้นแบบพื้นที่นำร่อง

สนับสนุน โดย กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

Loading

Writer

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments

Most Popular

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า