“ทำแบบเดิมก็ได้ผลแบบเดิม
ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยน – เปลี่ยนทัศนคติในการทำงาน“
ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านโกรกลึก การุณ ชาญวิชานนท์ กล่าวว่า “การจัดการศึกษาต้องเริ่มต้นจากทัศนคติของพวกเรา” ผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นมาหลายปี พบว่า บางอย่างนั้นได้ผลดีอยู่แล้ว และมีความสำเร็จงอกงามเกิดขึ้น แต่เมื่อพิจารณาให้ถ่องแท้ลองพิจารณามองอีกด้าน กลับพบว่ามีความเครียดของทั้งครูและนักเรียนในห้องเรียน เนื่องจากครูต้องตั้งหน้าตั้งตาทำงาน สอนเด็ก และทำรางวัล เรามีความรู้สึกว่าห้องเรียนแบบนี้มีความเครียดสูงเป็นต้นเหตุที่คิดว่าจะต้องเปลี่ยนวิธีการเรียนการสอน เพื่อหาวิธีที่ยังคงคุณภาพวิชาการ รวมถึงสร้างบรรยากาศที่เป็นมิตรและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครูและผู้เรียน ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ในสิ่งที่ชอบ

พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้เกียรติเป็นประธานในงานพร้อมกล่าวสรุปเป้าหมายการดำเนินงานพัฒนาการศึกษา

คณะครูและผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่านร่วมแสดงความไว้อาลัย
ต่อการสูญเสียบุคลากรครูและนักเรียนจากเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา




ทำงานโดยมีเป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน
ปัจจุบันโรงเรียนบ้านโกรกลึกใช้วิธีโรงเรียนเปลี่ยนแปลงเชิงระบบมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 ร่วมกับผู้อำนวยการโรงเรียนอื่น ๆ จึงได้เรียนรู้จากโรงเรียนลำปลายมาศของครูใหญ่วิเชียร ไชยบัง ซึ่งมีการพัฒนาโรงเรียนอย่างมุ่งมั่น และเรียนรู้จากโรงเรียนอื่นทั่วประเทศเพื่อนำหลักการนี้ไปปฏิบัติจริงหลังจากนำกลับมาใช้ที่โรงเรียนเป็นระยะเวลาเกือบสิบปี สิ่งที่เห็นได้ชัดคือครูมีความสุขในการจัดการเรียนรู้กับเด็ก แม้จะเป็นครูใหม่ที่มีอายุงานน้อยก็มีความสามารถในการจัดการเรียนรู้ได้ดี และนำเสนอผลงานให้แก่ผู้เยี่ยมชมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกัน นักเรียนก็มีทักษะการสื่อสารที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
นางสาวมะลิวัลย์ ระฆังทอง ผู้อำนวยการโรงเรียนหนองอ้อวิทยาคม กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้เปลี่ยน คือความเชื่อมั่นของตนเองในหลักการ แนวคิด และกระบวนการของนวัตกรรมทั้ง 3 จากโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนามาใช้ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในโรงเรียน โดยเฉพาะปัญหาพฤติกรรมของเด็ก การขาดความรับผิดชอบ และแม้กระทั่งเรื่องเล็กน้อยอย่างการเก็บขยะในโรงเรียนที่มักเป็นปัญหาซ้ำเดิมนอกจากนี้ ยังมีเด็กบางส่วนที่รู้สึกเบื่อหน่ายในการเรียน ซึ่งพยายามแก้ไขปัญหาเหล่านี้มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เป็นผู้บริหารประมาณ 4-5 ปี แม้ว่าอาจจะไม่ได้มีกระบวนการที่เป็นระบบ แต่ได้มีการศึกษาความเชื่อมโยงระหว่างกระบวนการเรียนรู้ของเด็กและการจัดการเรียนรู้ของครู โดยส่วนตัวได้อ่านหนังสือของครูวิเชียรและศึกษาดูงานการใช้นวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อหากระบวนการที่สามารถช่วยครูในการแก้ปัญหา จนเกิดศรัทธาในแนวคิดเหล่านี้ และรู้สึกว่าเชื่อมโยงกับการเรียนการสอนของตนเอง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง หลังจากนำแนวคิดนี้มาใช้เป็นเวลา 1 เทอมและอีก 2 เดือน เราเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในกระบวนการเรียนการสอน แต่ไม่ได้รับรองว่าดีขึ้น 100% อย่างไรก็ตาม เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนากระบวนการนี้ต่อไป โดยเฉพาะ “นวัตกรรมจิตศึกษา” ที่ช่วยพัฒนาตัวเองก่อน เมื่อปรับโครงสร้างของโรงเรียนและระบบต่าง ๆ ก็ทำให้ต้องพัฒนาตนเองมากขึ้นเพื่อช่วยเหลือครู การพัฒนาครูนี้จะส่งผลต่อการเรียนรู้ของนักเรียนอย่างแน่นอน และเชื่อมั่นว่าหากทุกท่านที่นั่งอยู่ตรงนี้ได้นำแนวคิดนี้ไปใช้แล้วก็จะพบคำตอบในตัวเอง เชื่อว่าการทำงานด้วยแรงขับภายในจะส่งผลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งทำให้มั่นใจว่าเราอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้อง
“การจัดการศึกษาที่ดีต้องเริ่มต้นจากทัศนคติของพวกเรา”
การุณ ชาญวิชานนท์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านโกรกลึก

ผลลัพธ์ที่งอกงามการเรียนรู้ – การเรียนภาษาไทยผ่านวรรณกรรม
นางสาวปิยะวดี คำหล้า โรงเรียนบ้านหนองยาง แบ่งปันประสบการณ์การใช้ “ภาษาไทยผ่านวรรณกรรม” โดยเริ่มใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 เพราะในช่วงนั้นตัวเองได้รับมอบหมายให้เป็นครูสอนภาษาไทย ซึ่งต้องบอกตามตรงเลยว่าตัวเองไม่ได้จบวิชาภาษาไทยมาโดยตรง และไม่ค่อยชอบวิชานี้ด้วย อีกทั้งยังไม่รู้จะสอนอย่างไรให้ได้ผล
ในช่วงแรกสอนแบบเดิม ๆ ทุกวัน คือให้นักเรียนอ่านหนังสือ คัดตามตัวอย่าง เขียนตามคำบอก แล้วก็ทำแบบฝึกหัด ตัวเองก็ไม่รู้ว่ามันดีหรือไม่ดี แค่รู้ว่าวันๆ ได้ตรวจการบ้าน ถ้านักเรียนทำถูกก็พอใจ แต่ถ้าผิดก็โดนดุ แล้วให้ไปแก้จนกว่าจะถูก วันหนึ่งก็ใช้วิธีนี้วนไปเรื่อย ๆ ไม่เคยคิดถึงความรู้สึกหรือผลที่ตามมาของเด็กนักเรียนเลย จนกระทั่งได้รับโอกาสจากผู้อำนวยการให้ไปอบรมเกี่ยวกับการใช้ “ภาษาไทยผ่านวรรณกรรม” สำหรับนักเรียนชั้น ป.3
จากที่ไปอบรมก็ได้รู้เห็นการทำงานนวัตกรรมนี้ในทุกขั้นตอน ทั้งวิธีคิดและกระบวนการต่าง ๆ จนทำให้รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจ ได้ลองนำสิ่งที่ได้เรียนรู้มาใช้สอนจริง ตอนแรกก็ยังไม่เชื่อว่ามันจะได้ผล แต่พอลองทำดู ปรากฏว่าผลการสอบ NP ของนักเรียนชั้น ป.3 ในวิชาภาษาไทยของโรงเรียนบ้านหนองยางออกมาสูงกว่าระดับประเทศ ซึ่งตัวเองรู้สึกประหลาดใจมาก และ ‘ตระหนักว่าถ้าเราตั้งใจทำอะไรให้ดี ผลลัพธ์ก็มักจะออกมาดีเช่นกัน’

‘ทำแบบเดิมก็ได้ผลแบบเดิม’
ครูใหญ่วิเชียร ไชยบัง ได้กล่าวถึงหลักคิดเกี่ยวกับการเผชิญกับปัญหา คือเมื่อเจอปัญหาจะไม่ตามไปแก้ไขโดยตรง เพราะปัญหานั้นมีมากมาย รวมถึงมีความเชื่อมโยงกับองค์ประกอบอื่น ๆ หลายปัจจัย แทนที่จะมานั่งแก้ไขปัญหาเดิม ๆ ส่วนตัวคิดว่าควรคิดวิธีใหม่เพื่อพัฒนาแทน เช่น ในกรณีที่คุณภาพการศึกษาในประเทศเราไม่ดี เราก็ไม่จำเป็นต้องมานั่งแก้ไขว่ามันไม่ดีเพราะอะไร แต่เราควรสร้างนวัตกรรมใหม่เพื่อพัฒนาให้เด็กได้รับสิ่งที่ดีกว่า แล้วเมื่อเราเริ่มคิดวิธีใหม่ ปัญหาเก่า ๆ จะค่อย ๆ เลือนหายไปเอง ผมเห็นว่าการพยายามแก้ปัญหาที่มีอยู่เดิมนั้น บางครั้งอาจต้องไปค้นหาที่มาของปัญหาอย่างลึกซึ้ง ซึ่งอาจทำให้เกิดความเหนื่อยล้า แต่ถ้าหากเราสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมาโดยไม่ต้องยึดติดกับปัญหาเดิม ๆ เราจะสามารถพัฒนาเด็ก ๆ ให้เติบโตในทิศทางใหม่ได้ โดยที่ไม่ต้องเหนื่อยกับการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน ในทุกครั้งที่เราต้องพยายามแก้ไขปัญหา มักจะทำให้เกิดความเครียดและความรู้สึกหนักใจ แต่ถ้าเรามุ่งไปที่การพัฒนาและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ เราจะรู้สึกไม่เครียดและสามารถทำงานได้อย่างมีความสุขมากขึ้น
เรียนดีและมีความสุข เกิดขึ้นได้จริงที่นี่
ที่โคราชบ้านฉัน
มุมของผู้เรียนดีและมีความสุข
จากคำบอกเล่าของ เด็กหญิงมณฑกาญจน์ กิ่งพุดชา (น้องพอเพียง) ชั้น ป.3 โรงเรียนบ้านกล้วยจอหอ เล่าถึงการเรียนด้วยสายตาเป็นประกายว่า เรียนที่นี่สนุกมาก โดยเฉพาะการสกัดสีจากธรรมชาติ และทำส้มตำซึ่งเป็นกิจกรรมที่ไม่เคยทำในโรงเรียนก่อนหน้านี้ รู้สึกประทับใจการจัดการเรียนการสอนที่นี่ เพราะครูและผู้อำนวยการใจดี เปิดโอกาสให้ได้คิด แสดงความคิดเห็นและตอบคำถาม โดยก่อนหน้านี้รู้สึกกลัวที่จะตอบคำถามเพราะกลัวตอบผิด แต่ตอนนี้กล้าตอบมากขึ้น นอกจากนี้ ยังชอบกิจกรรมเปิดบ้าน และการแสดงถอดบทเรียน กับเพื่อน ๆ ก็ปรับตัวเข้าหากันได้ดี ไม่มีการทะเลาะวิวาทกัน ที่โรงเรียนมีการบ้านบ้างแต่ไม่มาก เรียนอย่างมีความสุขและช่วยเหลือครูได้ดีขึ้น มีจิตอาสา ครูใจดี ไม่ตีเด็กหรือใช้ความรุนแรง หากเกิดการทะเลาะกัน ครูมักจะใช้การพูดคุยอย่างมีเหตุผลเพื่อปรับความเข้าใจ ตัวเองเคยไม่ชอบอ่านหนังสือ แต่ตอนนี้ชอบอ่านมากขึ้น เนื่องจากครูไม่กดดันและอ่านหนังสือให้ฟังก่อน ชอบเรื่องเจ้านกกระจอก เพราะสื่อถึงหลายสิ่งหลายอย่าง เช่น ไม่ควรใฝ่สูงเกินไป
นางสาวจิดาภา เมืองแสน ชั้น ม.4 โรงเรียนบุญวัฒนา (ศิษย์เก่า โรงเรียนบ้านบุฯ) เล่าถึงการเรียนการสอนแบบ PBL และจิตศึกษา ทำให้รู้สึกสนุกและสบายใจในการเรียน เนื่องจากได้ฝึกคิดและแก้ปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตจริง โดยเมื่อจบจากโรงเรียนบ้านบุฯ แล้วสามารถสอบเข้าโปรแกรมห้องเรียนพิเศษ SMTE (Enrichment Program of Science, Mathematics, Technology and Environment : SMTE) ที่โรงเรียนบุญวัฒนาในลำดับที่ 33 และไม่มีปัญหาในการปรับตัวกับโรงเรียนใหม่ เพราะได้การฝึกฝนในการจัดการอารมณ์ และใช้แนวทางจิตศึกษาในการวิเคราะห์และวางแผนการจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ

“กระบวนการเรียนรู้ Problem-Based Learning (PBL)
นำพาเด็กไปสู่การทำความเข้าใจในระดับที่ลึกมาก
เด็กสามารถเข้าใจและเชื่อมโยงสิ่งที่เรียนรู้
กับประสบการณ์ในชีวิตจริงได้ด้วย”
ครูใหญ่วิเชียร ไชยบัง
มุมของผู้สอนดีและมีความสุข
นายเชี่ยว ภักดีณรงค์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านบุ (ประชารัฐพัฒนา) กล่าวว่า มี 2 ประเด็นที่ต้องแยกให้ชัดเจน คือหลักการและเป้าหมาย หากยึดติดกับหลักการมากเกินไปอาจทำให้สูญเสียอิสระทางความคิด แต่ถ้ามีเป้าหมายที่ชัดเจนจะทำให้ไม่ต้องกังวลว่าจะใช้หลักการใด เปรียบเหมือนการเล่นฟุตบอล ซึ่งมีเป้าหมายในการทำประตู โดยไม่สำคัญว่าจะใช้เท้าข้างไหนเตะบอล ก่อนที่จะมาโรงเรียนบ้านบุฯ ส่วนตัวมีประสบการณ์จากการทำงานในโรงเรียนหลายแห่ง ทั้งขนาดเล็กและใหญ่ซึ่งเราก็พยายามทำให้ดีที่สุดในบริบทของตนเอง ปัจจุบัน โรงเรียนบ้านบุ ฯ เป็นโรงเรียนขยายโอกาส ซึ่งมีนักเรียนถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แม้ว่าจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับโรงเรียนขนาดใหญ่ได้ แต่สามารถส่งนักเรียนเข้าเรียนในห้องเรียนพิเศษได้ จึงได้ประกาศเป้าหมายที่จะเป็นโรงเรียนผลิตข้าราชการ โดยมีหลายทางเลือกที่เปิดรับนักเรียน เช่น การเป็นนายสิบ นอกจากนี้ยังมีการใช้แนวทางจิตศึกษาและการเรียนแบบ PBL ร่วมกับการประเมินผลตามมาตรฐาน PISA และการนำกระบวนการทางวิทยาศาสตร์มาปรับใช้ โดยยึดหลักการเรียนรู้ศตวรรษที่ 21 ซึ่งเน้นการใช้เทคโนโลยี ทักษะชีวิต และภูมิปัญญาท้องถิ่น รวมถึงการบูรณาการหลักสูตร 5 เหลี่ยม เพื่อพัฒนาศักยภาพของนักเรียนอย่างเต็มที่
นางสาวปิยะวดี คำหล้า โรงเรียนบ้านหนองยาง ได้สังเกตเห็นพฤติกรรมของเด็ก ๆ เปลี่ยนไป เมื่อก่อนเวลาบอกให้เปิดหนังสือเรียนแล้วเด็ก ๆ มักจะทำหน้าเบื่อหน่าย ไม่อยากเรียน แต่พอใช้ภาษาไทยผ่านวรรณกรรม นักเรียนกลับตื่นเต้น อยากเรียนรู้ พยายามทำให้สำเร็จในทุกขั้นตอน มีความกระตือรือร้นที่จะไปให้ถึงจุดสุดท้าย รวมถึงกิจกรรมจิตศึกษา ซึ่งถ้าทำได้ก็จะส่งผลให้ภาษาไทยผ่านวรรณกรรมบรรลุอย่างรวดเร็วและประสบความสำเร็จด้วย เพราะทำให้นักเรียนได้คิดอย่างมีเหตุผล คิดอย่างลึกซึ้งในการแก้ปัญหา ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือความงอกงามของการเรียนภาษาไทยผ่านวรรณกรรมของโรงเรียนบ้านหนองยาง

ตัวแทนครูจากโรงเรียนบ้านโกรกลึก ลุกขึ้นแลกเปลี่ยนการสอนของโรงเรียนตนเองว่า มีการบูรณาการวิชาวิทยาศาสตร์และสุขศึกษาในรูปแบบ PBL โดยมีการตั้งคำถามเกี่ยวกับ LGBT ที่มีแรงบันดาลใจมาจากกฎหมายสมรสเท่าเทียมเพื่อให้เด็ก ๆ เรียนรู้เกี่ยวกับพันธุกรรม โรคทางพันธุกรรม และการเจริญเติบโต และเชื่อมโยงไปถึงการเรียนรู้เกี่ยวกับวรรณกรรมความรัก เนื่องจากเด็กในระดับชั้น ป.6 เริ่มมีความรักในรูปแบบที่หลากหลาย และมีการเข้าถึงโซเชียลมีเดียต่าง ๆ นอกจากนี้ เด็ก ๆ ยังได้เรียนรู้การวิเคราะห์หนังสือเพื่อนำมาปรับใช้ในการเขียนนิยายหรือทำหนังสั้น
คุณครูจ๋า นางสาวเบญจาพร หินโม จากโรงเรียนบ้านโคกวังวน กล่าวว่า สอนให้นักเรียนได้เรียนเกี่ยวกับการสร้างหนังสั้น โดยได้มีการเปลี่ยนชื่อกิจกรรมใหม่เป็น “สื่อสร้างสรรค์” เพื่อให้สอดคล้องกับการเรียนภาษาไทย ในการเริ่มต้นก่อนที่จะเข้าสู่การทำหนังสั้น นักเรียนจะได้เขียนเรียงความตามจินตนาการ และความประทับใจของตนเอง ซึ่งในช่วงแรกของการเรียนการสอนจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเรียนผ่านการดูหนังสั้นและการวิเคราะห์ตัวละคร เพื่อทำความเข้าใจว่าทำไมตัวละครถึงมีพฤติกรรมเช่นนั้น โดยสัมพันธ์กับปัญหาที่เขาประสบอยู่ ซึ่งนักเรียนจะได้มีโอกาสแก้ปัญหาต่าง ๆ รวมถึงศึกษาการใช้ฉาก แสง สี และเสียงในหนังสั้น นอกจากนี้ ยังมีการสอนเกี่ยวกับกฎหมาย พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ เพื่อให้นักเรียนเข้าใจการโพสต์และแชร์ข้อมูลต่าง ๆ อย่างถูกต้อง
ส่วนการเขียนบทละครก็มีการศึกษาจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ในอินเทอร์เน็ตแล้วมาแบ่งปันความคิดกัน รวมถึงศึกษาหลักการทรงงานของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในวิชาหน้าที่พลเมือง ก่อนจะไปถึงขั้นตอนการเขียนบทละคร โดยให้นักเรียนทำนิทานเฉพาะตัวเรื่องที่สนใจ ออกแบบตัวละครหลัก ทำที่คั่นหนังสือ โดยในนิทานของเด็กก็จะมีประเด็นปัญหาและทางแก้ไข ตัวอย่างเช่น นิทานเรื่อง “เด็กเก็บขยะ” ที่เล่าถึงเด็กชายคนหนึ่งที่ไปเก็บขยะแต่โดนกรรไกรที่อยู่ในถังขยะ ทำให้เห็นปัญหาที่เกิดจากการทิ้งขยะไม่ถูกที่ จึงได้แนะนำคนอื่นให้ทิ้งขยะอย่างถูกต้องและมีการคัดแยกขยะ ซึ่งในเรื่องจะเล่าตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก จนเป็นคนแก่ที่สอนลูกหลานให้แยกขยะอย่างถูกต้อง ซึ่งจะช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อนด้วย นิทานที่นักเรียนสร้างขึ้นมีหลากหลายเรื่อง เช่น เรื่อง “เด็กติดเกม” ที่เล่าถึงเด็กที่ชอบเล่นเกม แต่เมื่อโทรศัพท์พังจึงได้เรียนรู้จากแม่ว่าต้องทำสิ่งดี ๆ ช่วยเหลือแม่ทำงานบ้านเพื่อแลกกับโทรศัพท์ใหม่ เด็ก ๆ ได้สะท้อนถึงประสบการณ์ในชีวิตจริง ซึ่งช่วยให้เพื่อน ๆ ในห้องเรียนได้แชร์ความคิดว่าถ้าเกิดปัญหาเช่นนี้ จะสามารถแก้ไขได้อย่างไร นอกจากนี้ เรื่องราวที่เขียนยังสะท้อนถึงเรื่องราวในครอบครัวของนักเรียนเอง บางคนมีการสร้างนิทานที่เกี่ยวข้องกับความกตัญญูและปัญหาครอบครัวจากข่าวที่เห็นในทีวี ซึ่งช่วยให้เข้าใจมุมมองและความคิดของนักเรียนแต่ละคน หลังจากเสร็จสิ้นการทำนิทานแล้ว นักเรียนจะได้เริ่มเขียนบทละคร โดยในขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการถ่ายทำหนังสั้นและเผชิญกับปัญหาที่เกิดขึ้น แต่พวกเรากำลังช่วยกันแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์
ตัวแทนครูจากโรงเรียนบ้านด่านเกวียน กล่าวว่า โรงเรียนบ้านด่านเกวียนได้ใช้การเรียนรู้ในโครงการนี้ยังใช้หน่วยดินจากลำปลายมาศพัฒนามาปรับใช้การเรียนรู้แบบ PBL ที่ครอบคลุมทั้งระบบ ตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงประถมศึกษาเกี่ยวกับหน่วยดิน โดยเริ่มต้นจากการศึกษาคุณสมบัติของดิน ซึ่งมีแร่เหล็กที่อยู่ภายใน ซึ่งจะทำให้เด็กๆ ได้ค้นคว้าและเรียนรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น ในขั้นตอนการทดลอง เด็ก ๆ สามารถผสมอัตราส่วนของดินเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น เครื่องปั้นดินเผาหรือสินค้าที่ใช้ดินเป็นส่วนประกอบ และออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ทันสมัยและสามารถจำหน่ายได้ การขายผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางออนไลน์ตามยุคสมัย และมีการขยายการขายเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ

มุมของผู้โค้ชดีและมีความสุข
ศึกษานิเทศก์ จงกล ผลประสาท กล่าวว่าในฐานะผู้ที่ทำงานในตำแหน่งที่เชื่อมระหว่างโรงเรียนและนโยบายการศึกษา การเข้าไปในโรงเรียนในระยะแรกคือการประเมินว่าเป้าหมายของผู้บริหารโรงเรียนตรงกัน ที่มุ่งเน้นไปที่ผลประโยชน์ของนักเรียน ซึ่งเราพร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลือ โดยจะใช้หลักสูตรแกนกลางปี 2551 เป็นพื้นฐาน แต่สิ่งที่จะทำให้บรรลุมากกว่าที่หลักสูตรต้องการคือสิ่งที่กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งสามารถเห็นผลจากห้องเรียนที่มีการพัฒนา 5 สมรรถนะอย่างชัดเจน ศึกษานิเทศก์มีบทบาทในการทำให้ครูเข้าใจและสามารถนำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง เนื่องจากในช่วงแรกครูอาจยังไม่เข้าใจหรือไม่แน่ใจ ในบางโรงเรียน ศึกษานิเทศก์จะใช้แนวทางให้ครูตั้งคำถามและตอบคำถามเพื่อสร้างความเข้าใจ โดยใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้ครูสามารถนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมไปใช้ในการเรียนการสอนได้อย่างเหมาะสม ขอเชิญชวนโรงเรียนให้ร่วมมือกับศึกษานิเทศก์ในการทำงานร่วมกัน เพื่อสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็งและร่วมพัฒนาคุณภาพการศึกษาต่อไป

พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวขอบคุณผู้เข้าร่วมทุกคนที่แสดงความตั้งใจในการทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาการศึกษา โดยขอเน้นว่าความกล้าแสดงออกเป็นสิ่งสำคัญ และเราต้องเริ่มต้นจากตัวเราเองเพื่อสร้างสิ่งดี ๆ ขึ้น อย่างคำกล่าวที่ว่า “ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้” อย่างกระบวนการศึกษาที่เป็นการฝึกจิตก็น่าสนใจ เพราะจิตเป็นนายกายเป็นบ่าว การฝึกจิตของเด็กจะช่วยให้พวกเขามองย้อนกลับมาที่ตัวเองว่าเราจะฝึกอย่างไรให้ดีและเข้มแข็ง
ขอบคุณทุกคนที่ฝึกสอนให้รัฐมนตรีและเลขาได้รู้ สิ่งที่มักจะบอกคืออย่าเป็นน้ำเต็มแก้ว เปรียบเหมือนเป็นหมึกที่หยดลงไปบนผ้าขาว กระบวนการศึกษาที่เราหยดไปบนผ้าขาวคือเด็กเพื่อย้อมแนวคิด ซึ่งเชื่อว่ามีหลายรูปแบบในมิติการศึกษาเปรียบได้กับศิลปะป้องกันตัวที่มีหลายสาขา ทุกคนสามารถเลือกเรียนรู้ในศาสตร์ที่สนใจ หวังว่าเวทีนี้จะไม่จบเพียงแค่การพูดคุย แต่จะเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสะท้อนถึงความก้าวหน้าในด้านการศึกษา ฟังแล้ววิพากษ์กลุ่มอื่น ๆ แลกเปลี่ยนสะท้อนเป็นกระจกเงา รวมทั้งเปิดใจให้กว้างเพื่อรับฟังเพื่อพัฒนาไปสู่ความสมบูรณ์ของการศึกษาต่อไป เห็นทิศทางที่ดีในการทำงาน โดยหลักสูตรแกนกลางปี 51 นั้นไม่มีเจตนาบังคับใคร หากท่านทำดี คนอื่นก็ดีตามท่าน ตามนโยบายการศึกษาว่า “เรียนดี มีความสุข”
ที่มา: เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทิศทางการศึกษา เพื่อพัฒนาเด็กโคราช การนำเสนอภาพความสำเร็จของการจัดการศึกษา เครือข่ายโรงเรียนพัฒนาตนเองนครราชสีมา โรงเรียนเปลี่ยนแปลงเชิงระบบด้วยนวัตกรรมจิตศึกษา PBL และ PLC I วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2567 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล จังหวัดนครราชสีมา
2,837
Writer

- Admin I AM KRU.